เราอาจคิดว่าสุนัขนั้นมีความสื่อสัตย์และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแต่แมวนั้นมีโลกส่วนตัวสูงและไม่ค่อยสนใจใยดีต่อเจ้าของหรือสิ่งรอบข้างเลย แต่ผลวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology เมื่อปี 2019 กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เพราะทีมนักวิจัยนำโดย คลิสติน วิเทลล์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอเรกอน ได้ทำการทดสอบว่า เจ้าเหมียวมีพฤติกรรมยังไงเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย โดยใข้วิธีตั้งกล้องใว้ในห้อง วาดวงกลมให้เจ้าของแมวอยู่ในวงกลมภายในห้อง หลังจากนั้นก็นำลูกแมว 79 ตัว และ แมวโตเต็มวัย 38 ตัว ผลัดกันเข้าไปอยู่ร่วมกับเจ้าของ
โดยมีข้อกำหนดว่าให้จับแมวได้ก็ต่อเมื่อแมวเข้ามาในวงกลม ซึ่งเจ้าของแมวจะนั่งในวงกลมเป็นเวลา 2 นาที แล้วลุกออกจากห้องไป ค่อยกลับเข้ามานั่งในวงกลมอีกครั้ง
ผลการวิจัยพบว่ามีพฤติกรรมของลูกแมวที่วิเคราะห์ไม่ได้มีอยู่ 9 ตัว ขณะที่อีก 64.3% ของที่เหลือ มีพฤติกรรมอยากเข้าหามนุษย์ กลุ่มของแมวโตเต็มวัยนั้น ผลการทดลองก็คล้ายๆ กันอยู่ที่ 65.8% จากผลวิจัยยังพบอีกว่า แมวนั้นอยากเข้าหามนุษย์ที่เป็นเด็กอ่อนหรือทารก ถึง 65% ซึ่งสูงกว่าการทดลองกับสุนัขนำทางเล็กน้อยที่ 61%
จากผลการทดลองนี้ทำให้ คริสติน วิเทลล์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอเลกอนมองว่า แมวนั้นก็มีการเข้าร่วมทางสังคมในการเข้าหาคนเราเหมือนกับสุนัขนั่นเอง และเธอยังกล่าวต่ออีกว่า “แมวส่วนใหญ่จะรู้สึกปลอดภัยขึ้นเมื่อเข้าหาเจ้าของ โดยเจ้าเหมียวนั้นมองว่าเจ้าของอย่างเราเป็นพื้นที่ปลอดภัยในสภาพแวดล้อมแปลกใหม่”
ผลสรุปนี้ ตรงกับงานวิจัยที่เธอเคยทดลอง คือ เธอให้แมวเลือกระหว่างอาหาร ของเล่น และมนุษย์ ผลก็ปรากฏว่า มนุษย์เป็นสิ่งที่แมวสนใจมากที่สุด ขณะที่การสนใจในอาหารของแมว ก็ตามมาติดๆเช่นกัน โดยเธอมองว่าแมวไม่ได้หยิ่งอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ และอันที่จริงพวกเขาค่อนข้างชอบการเข้าสังคม และอยากมีปฎิสัมพันธ์กับมนุษย์มากกว่าอาหารและของเล่นเสียอีก
แต่ในส่วนของ วิเทลล์ นั้นมองว่า การเหมารวมว่าสุนัขเป็นแบบหนึ่งและแมวเป็นแบบหนึ่งก็คงจะไม่ถูกเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นแมวหรือสุนัขก็มีนิสัยที่หลากหลาย ไม่ต่างไปจากคนเรานั่นเอง
ขอบคุณที่มา : Cat Indy
Pingback: ไอเดียสุดเจ๋งคู่รักชาวญี่ปุ่นทำหมวกด้วยขนแมว - Rooyoe